สายดูดเสมหะคืออะไร? และเลือกอย่างไรให้ปลอดภัย

ในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ สายดูดเสมหะถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่สามารถไอหรือขับเสมหะออกได้เอง เช่น ผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยที่มีภาวะปอดอักเสบ หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบประสาทและกล้ามเนื้อ การไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือภาวะขาดออกซิเจน

ทำความรู้จักสายดูดเสมหะ

สายดูดเสมหะ หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Suction Catheter เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับดูดเอาเสมหะหรือสารคัดหลั่งออกจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย โดยแบ่งออกเป็น 2 ระบบหลัก:

1. ระบบเปิด (Open Suction)

• เป็นระบบดั้งเดิมที่ใช้กันทั่วไป

• ต้องถอดสายออกจากเครื่องช่วยหายใจทุกครั้งที่ดูดเสมหะ

• ราคาประหยัดกว่า แต่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงกว่า

2. ระบบปิด (Close Suction)

• เป็นระบบที่ทันสมัยกว่า

• สามารถดูดเสมหะได้โดยไม่ต้องถอดสายออกจากเครื่องช่วยหายใจ

• ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

• เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต่อเนื่อง

ประโยชน์และความสำคัญ

การใช้สายดูดเสมหะอย่างถูกวิธีมีประโยชน์หลายประการ:

• ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น

• ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ

• ป้องกันการอุดตันของท่อช่วยหายใจ

• ช่วยในการประเมินลักษณะและปริมาณเสมหะ

• เพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอด

วิธีการเลือกสายดูดเสมหะที่เหมาะสม

การเลือกสายดูดเสมหะที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

การเลือกขนาดตามผู้ป่วย

• เด็กทารก: ใช้ขนาด 6-8 Fr

• เด็กโต: ใช้ขนาด 8-10 Fr

• ผู้ใหญ่: ใช้ขนาด 12-14 Fr

• ผู้ใหญ่ที่มีเสมหะเหนียวข้น: ใช้ขนาด 14-16 Fr

มาตรฐานที่ควรมี

• ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO

• ผ่านการฆ่าเชื้อ

• มีฉลากระบุวันหมดอายุชัดเจน

• ผลิตจากวัสดุทางการแพทย์คุณภาพสูง

วิธีใช้งานที่ถูกต้องและปลอดภัย

การใช้สายดูดเสมหะอย่างถูกวิธีมีขั้นตอนสำคัญที่ผู้ดูแลต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลผู้ป่วย:

1. การเตรียมอุปกรณ์

• ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องดูด

• ทดสอบการทำงานของเครื่องดูด

• ตั้งค่าแรงดูดที่เหมาะสม (80-120 mmHg สำหรับผู้ใหญ่, 60-80 mmHg สำหรับเด็ก)

• ตรวจสอบภาชนะรองรับเสมหะให้พร้อมใช้งาน

• เตรียมสายดูดเสมหะที่มีขนาดเหมาะสม

• ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และวันหมดอายุ

• เลือกขนาดให้เหมาะกับผู้ป่วย (ไม่ควรใหญ่เกิน 1/2 ของท่อหลอดลม)

• ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสาย ไม่มีรอยฉีกขาด

• สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)

• สวมถุงมือสะอาด

• ใส่หน้ากากอนามัย

• สวมเสื้อกาวน์หรือผ้ากันเปื้อน

• ใส่แว่นตาป้องกัน

2. การดูดเสมหะ

• ใช้เวลาในการดูดไม่เกิน 15 วินาที

• ดูดเสมหะด้วยความนุ่มนวล

• หลีกเลี่ยงการดูดติดต่อกันนานเกินไป

• พักระหว่างการดูดแต่ละครั้ง 20-30 วินาที

• ควบคุมแรงดูดให้เหมาะสม

• เริ่มดูดเมื่อกำลังดึงสายออก

• ไม่ดูดขณะสอดสายเข้า

• หมุนสายขณะดึงออกเพื่อดูดเสมหะรอบท่อ

• สังเกตอาการผู้ป่วยระหว่างดูดเสมหะ

• ดูสีผิวและริมฝีปาก

• สังเกตอัตราการหายใจ

• ติดตามค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน

• เฝ้าระวังภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

3. การดูแลหลังใช้งาน

• ทำความสะอาดสายและอุปกรณ์

• ล้างสายด้วยน้ำสะอาดทันทีหลังใช้

• ทำความสะอาดเครื่องดูดตามมาตรฐาน

• เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่ใช้งาน

• จัดเก็บในที่แห้งและสะอาด

• เก็บอุปกรณ์ในที่ปราศจากฝุ่น

• จัดเก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเทดี

• แยกอุปกรณ์สะอาดและไม่สะอาด

• บันทึกลักษณะและปริมาณเสมหะ

• บันทึกสี ความข้น ปริมาณเสมหะ

• จดบันทึกเวลาที่ดูดเสมหะ

• รายงานความผิดปกติที่พบ

ข้อควรระวังเพิ่มเติม:

• ห้ามใช้สายดูดเสมหะซ้ำในระบบเปิด

• ตรวจสอบการติดเชื้อเป็นประจำ

• หยุดดูดทันทีเมื่อพบความผิดปกติ

• ปรึกษาแพทย์หากพบอาการผิดปกติ

การปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดเสมหะ ทำให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด

แนะนำสายดูดเสมหะคุณภาพมาตรฐาน

Medipro Supply จำหน่ายสายดูดเสมหะคุณภาพสูง ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ครอบคลุมทั้งระบบเปิดและระบบปิด พร้อมบริการให้คำปรึกษาในการเลือกขนาดและประเภทที่เหมาะสมกับผู้ป่วย สามารถดูตัวอย่างสินค้าได้ดังนี้

1. ซัคชั่น แคตแทตเตอร์(50 CM.)# 10 (50 Pcs./Bag) (M)

2. สายซัคชั่น คอนโทรล# 18 (50 Pcs./Bag) (M)

การเลือกใช้สายดูดเสมหะที่มีคุณภาพ พร้อมกับการใช้งานอย่างถูกวิธี จะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกใช้สายดูดเสมหะ สามารถปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์หรือติดต่อทีมงานของเราได้ตลอดเวลา